Translate

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เทพโพไซดอน (Poseidon)


                                   เทพโพไซดอน (Poseidon)


 
โพไซดอน หรือ โพเซดอน (Poseidon)
โพไซดอน หรือ โพเซดอน (Poseidon)
            
            โพไซดอน หรือ โพเซดอน (Poseidon) หรือ โปเซดอน เป็นชื่อเรียกเทพเจ้าตามชาวกรีก แต่สำหรับชาวโรมัน ซึ่งรับเอาวัฒนธรรมของกรีกมาอีกทอดหนึ่งจะเรียกว่า เนปจูน ตามภาษาละติน
             โพไซดอน เป็นผู้คุ้มครอง ท้องทะเลและห้วงน้ำ (The ruler of the sea) เป็นพระอนุชาของเทพซุส หรือ จูปิเตอร์ตามภาษาละติน เทพที่มีอำนาจสูงสุดในบรรดาเทพเจ้ากรีก-โรมันทั้งหมด ส่วนพระชายาของพระองค์ คือ เทพีอัมฟิไทรต์ ซึ่งก็เป็นเทพี แห่งท้องทะเล เช่นกัน
              โพไซดอน เป็น เทพเจ้าแห่งท้องทะเล และมหาสมุทร เป็น ผู้ปกครองดินแดน แห่งท้องน้ำ ตั้งแต่แหล่งน้ำจืด เช่น แม่น้ำ ลำคลอง จนถึงใต้บาดาล มีอาวุธคือสามง่าม บางตำนานกล่าวว่า มีท่อนล่างเป็นปลา นอกจากนี้แล้วยังถือว่าเป็นเทพแห่งแผ่นดินไหว และเป็นเทพแห่งม้าอีกด้วย
               ตาม ตำนานเล่าว่า โพเซดอนเป็นบุตรของโครโนสกับเร มีพี่น้องอีก 4 องค์ ซึ่งล้วนแต่เป็นเทพ แห่งโอลิมปัสทั้งสิ้น ได้แก่
    1. ซุส ผู้เป็นใหญ่ในสภาเทพแห่งโอลิมปัส
    2. ฮาเดส ผู้ครอบครองยมโลก
    3. เฮ รา ชายาแห่งเทพซุส
    4. เฮสเตีย เทพีแห่งเตาผิง
              รูปลักษณ์ ของโพเซดอน ส่วนมากจะปรากฏเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างกำยำล่ำสัน มีหนวดเครา ถือสามง่ามเป็นอาวุธ ซึ่งสามง่ามนี้มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถดลบันดาลให้เกิดคลื่นลมแรงในทะเล หรือแผ่นดินไหวได้ ครั้งหนึ่งโพเซดอน เคยคิดที่จะโค่นอำนาจของซุส โดยร่วมมือกับเฮราและอะธีนา แต่ไม่สำเร็จจึงถูกซุสลงโทษ โดยการให้ไปสร้างกำแพงเมือง ทรอย ร่วมกับเทพอพอลโล
              โพเซดอนมีมเหสีองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงรับใช้ของเทพีอะธีนา คือ เมดูซ่า ซึ่งในตอนแรกนั้นยังไม่ถูกสาบให้มีผมเป็นงู เพิ่งจะเป็นเช่นนั้นเมื่อเทพีอะธีนาทราบเรื่องว่าหญิงรับใช้ของตน ไปเป็นมเหสีของโพเซดอน จึงสาบเมดูซ่าให้เป็นปีศาจที่มีผมเป็นงู และเมื่อมองใครก็จะกลายเป็นหินไปหมด ในคราวที่เปอร์ซิอุสปราบเมดูซ่านั้น เปอร์ซิอุสได้ตัดศีรษะของเมดูซ่าแล้วเลือดของเมดูซ่า ที่กระเซ็นออกมา กลายเป็นม้าบินสองตัว คือ เพกาซัส (Pegasus) และ คริสซาออร์ (Chrysaor) ดังนั้นจึงถือว่า ทั้ง เพกาซัส และ คริสซาออร์ เป็นลูกของโพเซดอนด้วย

โพเซดอน มีพาหนะเป็นม้าน้ำเทียมรถ 
โพเซดอน มีพาหนะเป็นม้าน้ำเทียมรถ

               โพเซดอน มีพาหนะเป็นม้าน้ำเทียมรถ ที่มีส่วนบนเป็นม้า และท่อนล่างเป็นปลา ซึ่งบางครั้ง จะพบรูปโพเซดอน อยู่บนรถเทียมม้าน้ำนี้ขึ้นมาจากทะเล โพไซดอน เป็นเทพเจ้าที่หงุดหงิด และโมโหง่าย ดวงตาสีฟ้าดุดัน มองผ่านทะลุ ม่านหมอกได้ และผมสีน้ำทะเลสยายลงมาเบื้องหลัง โดยได้รับสมญาว่า “ผู้เขย่าโลก” เนื่องจากเมื่อปักตรีศูลหรือสามง่ามลงบนพื้นดิน โลกก็จะเกิดการสั่นสะเทือน และแผ่นดินแยกออกจากกัน เมื่อฟาดสามง่ามลงบนทะเล ก็จะบังเกิดคลื่นลูกใหญ่เท่าภูเขา และ เกิดพายุ มีเสียง ครึกโครมน่ากลัว ทำให้เรืออับปางลง และผู้คนที่อาศัยอยู่ชายทะเลจมน้ำ แต่เมื่อยามโพไซดอน อารมณ์ดี ทรงยื่นพระหัตถ์ออกไป ทำให้ทะเลสงบและทรงยกแผ่นดินใหม่ขึ้นมาจากน้ำ
โพเซดอน
โพเซดอน

                 ในสมัยที่โครนัส และเทพไททัน เป็นใหญ่อยู่นั้น เนรูส เป็นผู้ครอบครองทะเล เนรูสเป็นโอรสของ แม่พระธรณี กับ พอนทัส หรือทะเล ซึ่งเป็นสวามีองค์ที่สอง เนรูสเป็นเทพเจ้าผู้ชราแห่งทะเล มีหนวดสีเทายาว มีหางเป็นปลา และ มีธิดาเป็นนางพรายน้ำห้าสิบนาง คือ เนรีด ผู้น่ารัก เมื่อโพไซดอน ได้รับมอบหมายให้มาเป็นเจ้าแห่งทะเลแทน เนรูส ผู้ชราที่มีน้ำพระทัยดี ก็ทรงยกธิดานามว่า อัมฟิไทรต์ ให้เป็นมเหสีของโพไซดอน แล้วเธอเองก็ปลีกตัวไปประทับอย่างสงบในถ้ำใต้บาดาล เนรูสทรงยกปราสาทใต้ทะเลให้แก่พระราชา และพระราชินีองค์ใหม่ด้วยปราสาททองคำ ซึ่งตั้งอยู่ในสวนหินปะการังและไข่มุก อัมฟิไทรต์ประทับที่ปราสาทแห่งนี้อย่างมีความสุข พร้อมกันนั้นยังห้อมล้อมด้วยนางพรายน้ำพี่น้องอีกสี่สิบเก้านาง นางมีโอรสองค์เดียว นามว่า ไทรทัน ซึ่งมีหางเป็นหางปลา เหมือนเนรูสผู้เป็นพ่อ ทรงขี่หลังสัตว์ทะเล และทรงเป่าสังข์ท่องเที่ยวไปในทะเลโพไซดอนไม่ค่อยประทับอยู่ที่ ปราสาท เพราะไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ ทรงโปรดขับรถเทียมม้าสีขาวเหมือนหิมะแข่งกับลูกคลื่น กล่าวกันว่า โพไซดอน เนรมิตม้ามาจากรูปของคลื่นที่แตกกระจาย โพไซดอนทรงมีชายา และโอรสธิดามากมาย เหมือนซุส แต่ต่างกันตรงที่อัมฟิไทรต์ไม่ทรงหึงหวงเหมือนเฮรา
                                              โพไซดอน

                มีเกาะแห่งหนึ่งที่โพไซดอนทรงยกขึ้นมาสูงกว่าระดับน้ำทะเลชื่อว่า เกาะดีลอส เกาะนี้เพิ่งสร้างขึ้น จึงยังคงลอยไปมา อยู่ในน้ำ เกาะเล็ก ๆ นี้พื้นดินยังไม่อุดมสมบูรณ์ ยังไม่มีพืชพรรณอื่นใด นอกจากต้นปาล์มต้นเดียวเท่านั้น ในร่มเงา ของต้นปาล์มนี้ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สององค์ คือ อะพอลโล กับ อาร์ทีมิส ได้ถือกำเนิดขึ้นมาดังเรื่องเล่าดังต่อไปนี้
                 “ซุสได้อภิเษกกับ เทพธิดา ลีโท พอเฮราทรงทราบว่าลีโททรงครรภ์แฝด ก็ทรงกริ้วมาก และรับสั่งห้ามมิให้พื้นดิน ทุกแห่งในโลกให้ที่พำนักแก่นาง ลีโทจึงต้องซัดเซพเนจรเรื่อยไป ไม่สามารถหาที่พำนักเพื่อให้กำเนิดบุตรได้
                  ในที่สุดนางก็มาถึงเกาะดีลอส เกาะน้อยนี้ให้การต้อนรับนาง เนื่องด้วยเกาะนี้ยังลอยอยู่ ยังไม่ได้เป็นแผ่นดิน จึงมีลักษณะไม่ตรงกับที่เฮราทรงรับสั่งไว้ ลีโททรุดกายลงใต้ร่มต้นปาล์มอย่างเหนื่อยอ่อน แต่ยังให้กำเนิดบุตรไม่ได้ เนื่องจากเฮรา รับสั่งห้ามเทพธิดา อิลิเทียอา เทพีแห่งเด็กเกิดใหม่ไม่ให้ช่วยเหลือ ถ้านางไม่ช่วยเด็กก็จะไม่สามารถคลอดออกมาได้ เทพธิดาอื่น ๆ ทรงสงสารลีโท จึงพยายามอ้อนวอนให้พระทัยของเฮราอ่อนลง โดยถวายสร้อยพระศอเส้นงามแก่นาง สร้อยเส้นนี้ยาวเก้าหลา ทำด้วยทองคำและอำพัน ในที่สุดเฮราก็ทรงยอมปล่อยอิลิเทียอาไป โดยเทพธิดาไอริส ทรงนำอิลิเทียอา ลงมาหาลีโททางสายรุ้ง
                   บุตรของลีโท แฝดผู้พี่ คือ อาร์ทีมิส เป็นเทพธิดาแสนสวยดุจดวงจันทร์ เส้นเกศาสีดำเหมือนรัตติกาล นางได้เป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์ และ เทพีของสิ่งมีชีวิตที่เกิดใหม่ ฝาแฝดองค์รองคือ อะพอลโล ซึ่งเป็นเทพบุตร ที่สง่างาม ราวดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งดนตรี แสงสว่างและเหตุผล
                   ซุสดีพระทัยที่เห็นคู่ แฝดสวยงามทั้งคู่ ท่านได้ประทานธนูเงินและลูกธนูเต็มกระบอกให้คนละชุด ลูกธนูของ อาร์ทีมิสอ่อนนุ่ม เหมือนแสงจันทร์ และผู้ถูกลูกธนูนี้จะตายโดยไม่เจ็บปวด ส่วนลูกธนูของอะพอลโล แข็งและแหลมคมเหมือนแสงอาทิตย์
                    ซุสประทานพรแก่เกาะนี้และยังผูกติด ไว้กับก้นทะเล ทำให้ไม่ต้องลอยไปลอยมาอีกต่อไป หญ้าและไม้ดอกเจริญงอกงามขึ้นอย่างอุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่นั้นมา ดีลอสกลายเป็นเกาะที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ในบรรดาเกาะของประเทศกรีซ ผู้จาริกแสวงบุญ ต่างพากันมาที่เกาะนี้ และสร้างเทวาลัยไว้มากมายเพื่อเทิดทูนลีโอ และโอรสธิดาคู่แฝดของนาง”
                    เทพโพไซดอนมีความสำคัญสำหรับชาวกรีก รองลงมาจากเทพซุส ด้วยเหตุว่าชาวกรีกที่อาศัยอยู่ทั้งสองฝั่ง ของทะเลอีเจียนเป็นชาวทะเล ดังนั้นเทพแห่งท้องทะเลจึงมีความสำคัญอย่างมาก และนอกจากพระองค์จะเป็นเทพแห่งท้องทะเลแล้ว พระองค์ยังเป็นผู้ประทานม้าตัวแรกให้แก่มนุษย์ โดยการใช้อาวุธประจำกาย นั่นก็คือตรีศูลหรือสามง่าม ตีก้อนหินจนเกิดเป็นน้ำพุเกลือและกลายเป็นม้าตัวแรกของโลก พระองค์จึงได้รับการสรรเสริญ ทั้งในฐานะที่เป็นเทพเจ้า แห่งท้องทะเล และ ผู้ประทานม้าตัวแรกให้แก่มนุษย์อีกด้วย
                    วิหารของ เทพโพไซดอนอยู่ที่ อัคซูเนียน ประเทศกรีซ อยู่บนอะโครโพลิสตรงข้ามกับวิหารพาร์เธนอนที่โด่งดัง ซึ่งเป็นของเทพีอะธีนา
โพไซดอน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล





อ้างอิง

https://sites.google.com/site/thephceakrik12365/my-calendar

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น